วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

เศรษฐกิจพอเพียงในชีวิตฉัน



เศรษฐกิจพอเพียงในชีวิตฉัน




          เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่ พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๒๕ ปี ตั้งแต่ก่อนวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ


ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

     เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์

                                               หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

       ความพอประมาณ  หมายถึง  ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกิน   โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
       ความมีเหตุผล    หมายถึง  การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น  จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ
       การมีภูมิคุ้มกันทีดีในตัว  หมายถึง  การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล

เงื่อนไข

           การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงต้องอาศัยทั้งความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน  
           เงื่อนไขความรู้    ประกอบด้วยความรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง  ๆ   ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณา    ให้เชื่อมโยงกันเพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ
            เงื่อนไขคุณธรรม  ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วยมีความตระหนัก ในคุณธรรมมีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียร  ใช้สติ ปัญญาในการดำเนินชีวิต


จะสร้างเศรษฐกิจพอเพียงอย่างไรให้สู่สังคมเราได้อย่างมั่นคง

        การสร้างชุมชนและสังคมที่พอเพียงนั้น เกิดขึ้นได้จากกิจกรรมการผลิต โดยเฉพาะในภาค การเกษตรที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนอย่างคุ้มค่า ด้วยการหมุนเวียนทุน ธรรมชาติภายในพื้นที่และด้วยวิธี การทำเกษตรที่เน้นปลูกเพื่อกินเองก่อน และการทำกิจกรรมที่เป็น มิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การทำปุ๋ยชีวภาพ การปลูกผักและข้าวที่ปลอดสารพิษ การทำสวนสมุน ไพรของชุมชน การคิดค้นสารไล่แมลงสมุนไพร การทำถ่านชีวภาพ การรวมกลุ่มขยายพันธุ์ปลา การแปรรูปผลผลิตและกรทำเกษตรผสมผสาน เป็นต้น มีการรวมกลุ่มกันเป็นสหกรณ์ ร่วมมือกัน ทั้งในด้านปัจจัยและอุปกรณ์การผลิต การตลาด เงินทุน การศึกษา และชีวิตความเป็นอยู่ มีการรวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดจากความรักและ เอื้ออาทรต่อกัน เช่น กิจกรรมต่อต้านยาเสพติด การมนัสการพระ ให้ มาช่วยสอนจริยธรรมและศีลธรรมในโรงเรียนชุมชน การรวมกลุ่ม เพื่อเรียนรู้ร่วมกัน การจัดตั้งร้านค้าชุมชน การจัดทำแผนแม่บทชุมชน การจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ การจัดตั้งกองทุนสวัสดิการ การรวมอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การรวมกลุ่มทำขนมของแม่บ้าน หรือรวมกลุ่มเพื่อปลูกพืชผักสวนครัว บนพื้นฐานของการปลูกฝัง สมาชิกในชุมชนให้มีความเอื้ออาทรต่อกัน มากกว่าคำนึงถึงตัวเงินหรือ วัตถุ มีความคิดที่จะแจกจ่ายแบ่งปันให้ผู้อื่น ซึ่งจะทำให้ได้เพื่อนและ เกิดเป็นวัฒนธรรมที่ดี ที่จะช่วยลดความเห็นแก่ตัวและสร้างความพอ เพียงให้เกิดขึ้นในจิตใจ





(ที่มา : http://www.rta.mi.th/21610u/Data/Data_pro/Popeaing/1.htm)


ตัวอย่างเศรษฐกิจพอเพียงในหมู่บ้าน


       หมู่บ้านถนน หมู่ที่ 8  ตำบลเฉนียง  อำเภอเมือง  จังหวัดสุรินทร์  ซึ่งเดิมสภาพทั่วไปของ
หมู่บ้านถนน ครัวเรือนส่วนมากทำนาเป็นอาชีพหลัก มีพื้นที่ทำกิน อยู่ในหมู่บ้าน และอยู่ในเขตนอกหมู่บ้าน ส่วนใหญ่พื้นทีทำนาอยู่ในเขตหมู่บ้าน ครัวเรือนส่วนหนึ่งมีการดำเนินชีวิตตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอยู่แล้ว  ได้แก่  การปลูกผักสวนครัว  ผลไม้  เลี้ยงปลา  ไว้กินเอง มีหมอดินอาสาของตำบลอยู่ในหมู่บ้าน จึงมีการอบรมให้ความรู้แก่ประชาชน และมีการนำความรู้มาปรับใช้ในครัวเรือน เช่นการทำปุ๋ยหมักชีวภาพ ทำน้ำหนักชีวภาพ  ประชาชนให้ความร่วมมือในกิจกรรมส่วนรวม ทำให้การพัฒนาหมู่บ้านเป็นไปได้ดี  ทำให้เกิดการขยายผลไปสู่ครัวเรือนอื่นในหมู่บ้าน เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจในร                




ปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจพอเพียงในหมู่บ้านเราประสบความสำเร็จ


     • ประชาชนมีความรัก ความสามัคคี  ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมส่วนรวม

     • ครัวเรือนส่วนมากในหมู่บ้านมีการดำเนินกิจกรรรมการดำรงชีวิตตามแนววิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง เช่น  การปลูกผักสวนครัว  เลี้ยงปลา การทำข้าวนาโยน  ทำปุ๋ยหมักชีวภาพไว้ใช้เองอยู่แล้ว

  • ประชาชนในหมู่บ้านมีความเข้มแข็ง พร้อมที่จะพัฒนาตนเอง

    • ประชาชนยอมปรับสภาพ  เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม  

    • หมู่บ้านมีความเข้มแข็ง   สามารถเป็นแบบอย่างในการดำเนินกิจกรรมการดำรงชีวิตตามแนววิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงแก่ครัวเรือนอื่นในหมู่บ้านและนอกหมู่บ้าน

    • ผู้นำ/แกนนำ  ได้รับโอกาสในการเข้ารับการเรียนรู้จากการฝึกอบรม ของหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ประมง  เกษตร  องค์กรเอกชน เช่น ปตท.  สามารถนำความรู้มาเผยแพร่แก่ประชาชนได้

  •ผู้นำมีความเข้มแข็ง เป็นแบบอย่างแก่ประชาชนได้




 เกษตรกรตัวอย่างของตำบลเฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์





นายเกียรติ ประมูลศรี


                              อยู่บ้านเลขที่ 52 หมู่ที่ 8 บ้านถนน  ตำบลเฉนียง  อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ 32000

(ที่มา : นายเกียรติ  ประมูลศรี เกษตรกรตัวอย่างของตำบลเฉนียง )


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น