วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ประเพณีแซนโฎนตา

ประเพณีแซนโฎนตา

        ชาวสุรินทร์เชื้อสายเขมร เชื่อว่า การประกอบประเพณีแซนโฎนตา เป็นการที่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผีบรรพบุรุษ ปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ ให้ได้รับผลบุญกุศลที่อุทิศไป เชื่อว่าทำให้ทุกข์เวทนาจากบวงกรรมมีความบรรเทาเบาบางลง จึงให้มีการจัดพิธีแซนโฎนตา ขึ้นและให้มีการสืบทอดต่อๆกันมา ลูกหลานต้องปฏิบัติสืบทอดต่อ ๆ กันมาถึงทุกวันนี้ ถ้าญาติหรือลูกหลานประกอบพิธีแซนโฎนตา และทำบุญอุทิศให้ เชื่อว่าญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ก็จะอวยพรให้ญาติหรือลูกหลานมีความสุขความเจริญประกอบอาชีพประสบผลสำเร็จมี เงินมีทองใช้ แต่ถ้าไม่ทำพิธีแซนโฎนตา ญาติที่ล่วงลับไป ก็จะโกรธและสาปแช่งญาติหรือลูกหลานไม่ให้มีความสุขความเจริญประกอบอาชีพฝืด เคือง ไม่ราบรื่น ดังนั้นลูกหลานของชาวไทยเชื้อสายเขมรทุกรุ่นจึงต้องประกอบพิธีแซนโฎนตามา ทุกปีจนถึงปัจจุบันนี้

        คำว่า"แซนโฏนตา"มาจากไหน แซน หมายถึงการเซ่นไหว้ การบวงสรวง โฎนตา หมายถึง การทำบุญให้ยาย และตา ปู่และย่าหรือบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ คำว่า "โฎน " เป็นภาษาเขมรใช้เรียกยายหรือย่า ส่วนตาใช้เรียนแทนตาและปู่ ว โดยทั่วไปแล้วมักเขียนว่า "โดนตา" ซึ่งถือว่าผิด เนื่องจากเป็นประเพณีเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษของชาวเขมร ที่ไม่มีตัวอักษร "ด" อยู่ในพยัญชนะ แต่ใช้ตัว
"ฏ" สืบทอดมาเป็นระยะเวลานาน การเตรียมอุปกรณ์เครื่องเซ่นไหว้ การเซ่นไหว้ศาลปู่ตาประจำ
หมู่บ้าน การเซ่นไหว้ศาลพระภูมิประจำบ้าน การประกอบพิธีกรรมแซนโฎนตาที่บ้าน การประกอบพิธีกรรมบายเบ็ญ(เครื่องเซ่นไหว้) การประกอบพิธีกรรมที่วัด ประกอบด้วย อาหารคาว -หวาน ผลไม้ เครื่องดื่ม ได้แก่ ปลานึ่ง ปลาย่าง หมูย่าง ไก่ย่าง แกงวุ้นเส้น แกงกล้วย ต้มยำไก่ ลาบหมู ไก่นึ่ง ซึ่งต้องเป็นไก่ทั้งตัวเอาเครื่องในออก อาหารหวาน ได้แก่ ข้าวต้มมัดใบมะพร้าว ขนมเทียน ขนมนางเล็ด ขนมโชค(ขนมดอกบัว) ขนมโกรด ข้าวกระยาสารท ผลไม้ ได้แก่ มะพร้าวอ่อน กล้วย ส้ม ละมุด พุทรา องุ่น เป็นต้น เครื่องดื่ม ได้แก่ น้ำเปล่า เหล้าขาว น้ำอัดลม เหล้าสีต่างๆเป็นต้น อุปกรณ์ต่างๆ ได้แก่ เสื่อหวาย ที่นอนแบบพับ หมอน ผ้าขาว ผ้าไหม ผ้าโสร่ง อาภรณ์ต่าง ๆ พาน ธูป เทียน กรวย 5 ช่อ ที่ทำจากใบตองสดม้วนเป็นกรวย แล้วสอดด้วย ธูป และใบกรุยการจัดกรวย5ช่อคือ ขันธ์ 5 หมายถึง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
(ที่มา : http://radio.prd.go.th/surin/ewt_news.phpnid=2548&filename=index)

ขั้นตอนการประกอบพิธีกรรมแซนโฎนตา มีดังนี้

1. การเตรียมอุปกรณ์เครื่องเซ่นไหว้




             ประกอบด้วยอาหารคาว หวาน ผลไม้ เครื่องดื่ม และของใช้ต่างๆ


2. การเซ่นไหว้ศาลปู่ตาประจำหมู่บ้าน




       ชาวบ้านจะนำเครื่องเซ่นไหว้ ซึ่งแบ่งไว้ต่างหากจากที่เซ่นที่บ้านไปเซ่นศาลปู่ตาประจำหมู่บ้าน ซึ่งทุกบ้านที่จะประกอบพิธีกรรมใดๆก็ตามจะต้องไปเซ่นไหว้ศาลปู่ตาก่อนเสมอ เป็นการบอกกล่าวให้ศาลปู่ตารับรู้ ตามความเชื่อที่สืบต่อกันมานาน


3. การเซ่นไหว้ศาลพระภูมิประจำบ้าน



         เมื่อเสร็จจากการไหว้ศาลปู่ตาประจำบ้านแล้ว จะนำเครื่องเซ่นไหว้ ซึ่งแบ่งไว้ต่างหากจากที่เซ่นที่บ้าน เซ่นศาลพระภูมิประจำบ้าน เพื่อบอกกล่าวและเป็นการเปิดทางให้ผีบรรพบุรุษสามารถเข้าออกบ้านได้


4. การประกอบพิธีกรรมแซนโฏนตาที่บ้าน




          แสดงออกถึงการนับถือผีตายาย คือ เทศกาลเดือน 10 ในวันแรม 14 ค่ำ มีการเซ่นผีตายายที่เรียกว่าแซนโฎนตา คำว่าแซน หมายถึง เซ่น  โฎน หมายถึง ตายาย


5. การประกอบพิธีกรรมบายเบ็น



         
            เมื่อเสร็จพิธีกรรมแซนโฎนตาที่บ้านแล้ว จะมีการทำบายเบ็น ประกอบด้วยข้าวเหนียวนึ่งคลุกกับงาปั้นเป็นก้อนๆ ขนมข้าวต้มแกะห่อออก ผลไใ้ต่างๆ ใส่ภาชนะไปรวมกันที่วัดในเวลาเช้ามืดของวันแรม 15ค่ำเดือน10 ให้พระทำพิธีให้ แล้วจึงนำบายเบ็นไปที่นาเพื่อบูชา เซ่นไหว้พระแม่โพสพ จากนั้นก็นำบายเบ็นไปหว่านหรือโปรยให้ทั่วนาข้าว ก็จะเป็นการรับขวัญข้าวพอดี


6. การประกอบพิธีกรรมที่วัด




      ในเช้าวันแรม 15ค่ำ เดือน10 หลังจากที่นำบายเบ็นไปหว่านที่นาแล้ว ก็จะนำอาหารคาวหวานลักษณะเดียวกันกับที่ประกอบพิธีที่บ้าน โดยทำขึ้นใหม่นำไปที่วัด เพื่อให้พระสงฆ์ทำพิธีสวดมนต์ อุทิศส่วนกุศลอีกครั้ง แต่การอุทิศส่วนกุศลที่วัดจะไม่จำเพาะเจาะจงว่าเป็นญาติ หรือบรรพบุรุษของตนเองเท่านั้น แต่จะรวมถึงผีไร้ญาติ สัมพะเวสี เจ้ากรรมนายเวรต่างๆ ได้รับส่วนบุญด้วย
(ที่มา:http://www.surinrelations.org/index.phplay=show&ac=article&Id=239375&Ntype=4)

       ดังนั้นลูกหลานของชาวไทยเขมรทุกรุ่นจึงต้องประกอบพิธีแซนโฎนตา หรือพิธีกราบไหว้ เซ่นไหว้บรรพบุรุษ มาตราบจนทุกวันนี้ โดยงานประเพณีแซนโฎนตา บูชาบรรพบุรุษ ของพี่น้องชาวเขมรพื้นเมืองสุรินทร์ร่วมไปถึงชนชาวกูยหรือส่วยอีกด้วย ซึ่งไม่เฉพาะชนชาวเขมรพื้นเมืองที่ จ.สุรินทร์ ที่จัดพิธี "สารทเล็ก " หรือ "เบ็ญตู๊จ" ในวันที่ 14 กันยายน หรือ ตรงกับขึ้น 15 ค่ำเดือน 10 และ "สารทใหญ่" หรือ "เบ็ญธม" ในวันที่ 29 กันยายน 2551 หรือ ตรงกับ แรม 15 ค่ำเดือน 10 ซึ่งถือเป็น วันแซนโฎนตาที่แท้จริง ส่วนการจูนโฎนตา เป็นการนำอาหารคาว หวาน ของสด ผลไม้ ไปไหว้ แก่ผู้อาวุโสในครอบครัว ซึ่งลูกหลานทุกคนจะเตรียมไปไหว้ขอพรจากผู้ใหญ่ การแซนโฎนตา เป็นการเตรียมสำรับอาหารคาว หวาน ขนม ข้าวต้มมัด กระยาสารท ฯลฯ นำมาจัดในกระเชอหรือกระด้ง หรือเรียกว่า "กระจือโฎนตา” ซึ่งเป็นการเตรียมไว้สำหรับการเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว และจะเตรียมอาหารคาว หวาน ของสด ผลไม้ไปวัดในเช้าของ วันแรม 15 เดือน 10 เพื่อเป็นการทำบุญให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว









































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น